Sasa's blog

2010/08/14

1 year has passed...

A year has gone so fast... I'm glad that I could make it through another year. Even more happy to know that I got the highest score in Clinical Psychiatry. Just something that I'm really proud of. Because I know that I was down and upset with him for quite a while...
I still miss him somehow. And we talked...sometime... It's just that I'm feeling glad and relieved that I didn't tell him how I felt because I would feel sad that I didn't feel it at all, now that I don't... anymore...

2010/03/08

Edge of desire

ฉันร้องไห้
ฉันเสียใจ
ฉันยอมรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ได้
ฉันปล่อยเขาไปไม่ได้

รู้สึกใจหายที่ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว
รอยยิ้ม กับแววตาคู่นั้น
คำพูดปลอบใจเวลาฉันอ่อนล้า...
เขาไปจากฉันแล้ว

เขาหมดรักฉันแล้ว

เราไม่คุยกันอีกต่อไปแล้ว
และเขาก็คงไม่รู้ด้วยว่าฉันต้องร้องไห้เสียใจแค่ไหน
เขาคงไม่สนอีกต่อไปแล้ว

ถ้าเพียงแต่วันนั้นฉันได้บอกสิ่งที่อยู่ในใจออกไป...

ตอนนี้ต่อให้ต้องการมากแค่ไหน แต่ก็คงจะทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว

มันถึง Edge of Desire แล้วละ แต่ก็ได้แต่ silently screaming

เฮ่อ แล้วเมื่อไหร่ฉันจะ get over him ได้ซะทีละเนี่ยย

2009/12/26

พอแล้ว

ฉันรู้ตัวว่ารักเขาเข้าแล้วก็เมื่อตอนที่เขาบอกว่าเขาไม่รู้จักฉันอีกต่อไปแล้ว
ความเย็นชาของเขาที่เริ่มมีมากขึ้นในช่วงหลังๆ ค่อยๆกระเทาะความโง่เขลาที่เกาะกุมในใจของฉันออกไป
ฉันยังคงไม่เข้าใจ ว่าเพราะอะไร เราถึงเปลี่ยนแปลงกันได้ขนาดนี้
และก็น้อยใจที่เขาไม่รู้สึกอยากจะแก้ไขความสัมพันธ์ครั้งนี้เลย
ถ้าเพียงแค่ฉันพูดความรู้สึกของตัวเองออกไป...เราก็คงไม่เป็นอย่างตอนนี้
หรือเขาเองก็ไม่อยากคิดอะไรกับเราแต่แรกอยู่แล้ว
ที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่ความเหงาเท่านั้น
เมื่อคนเหงาสองคนอยู่ด้วยกันแล้ว สิ่งอันตรายมักเกิดขึ้นได้เสมอ
ฉันคงรักเขาเพราะเหงา ส่วนเขาก็คงรักฉันเพราะฉันเป็นตัวแทนของใครบางคน
แล้วเมื่อเขาลืมใครคนนั้นได้แล้ว หรือด้วยเพราะเขาเจอคนใหม่หรืออย่างไรก็ตาม
ตัวฉันก็คงเป็นได้แค่ช่องว่างสำหรับพักหัวใจของเขาเท่านั้น..
แค่นั้นจริงๆที่ฉันเป็น
ต่อให้ฉันร้องไ้ห้ฟูมฟาย เสียใจ มากแค่ไหน เขาก็คงไม่มีวันรับรู้อีกแล้ว
จากนี้ไปคงไม่มีเขาอีกแล้ว
โทษเขาไม่ได้หรอกที่ใจฉันเองอ่อนไหวเกินไป
ปลอบใจตัวเองว่าอย่างได้หวังอีกเลยว่าเขาจะกลับมา...พอกันที ลาก่อน บาสติ

2009/09/23

Daydreamer

I feel angry right now with my roommate.
I don't see why do I deserve this?
What did I do?
I meant nothing but good intention.
I just sense that there must be something wrong or maybe I'm just being too sensitive, again?

I want something better and I will refuse to let this burden bring me down again!!
I don't care!

Anyway, I'm just listening to Adele. And I really love her voice and her lyrics.
She seems to be pretty cool. With the age of 19 and had her debut album sold out.
And I like Daydreamer very much.
Should listen to it more often so that I won't keep my mind around him anymore.

2009/09/08

I miss you

I miss you in ways I can feel,
but have no way to truly explain.
Ways that are uncontrollable by reason and logic.
My heart stands like a lonely sentinel
looking through the windows of my soul
waiting for your long anticipated return;
An event which beckons on the horizon
with the inexorable slowness
of the earth turning coal to diamonds.
I feel like a solitary firefly flittering around aimlessly,
hoping to find you like a beacon in the night.
Has it only been a few days
since you went away?
The weight of your absence
has woven the tapestry of my time
into weeks bereft of heartfelt smiles.
I'm consumed by an emptiness and longing
as big as the night;
Only you can fill it.
At best, each day without you
is colored only in shades of gray.
At worst, each day without you
is a dark, fog-blanketed night
that has no sunrise to look forward to.
I miss you in a way that
leaves the canvas of my dreams
painted with the brightly colored brushes of
the sound of your laughter,
the smell of your perfume,
and the enveloping warmth of your wonderful hugs.
My only solace
is I can already sense some of the
overwhelming joy I'll feel
when you return.
Just the hint of it
makes my heart start to swell.
This must be how a rainbow feels
as it arches toward sunshine and heaven.
Please hurry back to me!
I miss you!
-Poem by Hutch Davis

เสียดาย

เสียดายความรู้สึกที่มีให้เธอมากกกกกกกกกกกกก
ถ้ารู้ว่ามันจะเป็นอย่างนี้...
เจอหน้ากันอีกจะทำเป็นไม่รู้จักกันเลยคงจะดีกว่า

2009/07/06

Etc...

ตอนนี้สบายมากๆ เรียน elective ที่ รพ. ชลประทาน
ไม่เคยรู้สึกสบายอย่างนี้มาตั้งแต่ขึ้นคลินิกแล้วละ
ได้กลับบ้านด้วย
เจอวันหยุดห้าวันติดเข้าอีก ก็พูดได้คำเดียว
"สบายโคตรรรรรรรรรรรร" ครับพี่น้อง...อิอิ

เราก็ไม่ได้อัพเดทอะไรมากมายตั้งแต่ขึ้นคลินิกอะนะ
มันมีเรื่องราวมากมายอ่า
แต่ก็รู้สึกดีที่ผ่านมันมาได้
เหลือบไปเห็นบล๊อกเก่าก่อนหน้านี่ ก็อะนะ
คนๆนั้น เราไม่สนใจเค้าแล้วละ
เราไม่อยากเข้าอีหรอบ "รู้เขาหรอกแต่เต็มใจให้หลอก" อะนะ
คนบางคนก็ตัดสินแต่ภายนอกไม่ได้เลย
"Don't Judge a Book By Its Cover!"

เรามาเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า
ช่วงนี้ที่หยุดๆก็กะว่าจะอ่านนิยายละ
เราหยิบหนังสือที่เคยอ่านค้างไว้เมื่อชาติที่แล้วมาอ่ะนะ
คือเรื่อง The Rule of Four เป็นหนังสือภาษาอังกฤษละ
จำได้ว่าคลับคล้ายคับครากับ The Da Vinci Code อะนะ
แต่อ่านๆไปก็รู้สึกงั้นๆ บวกกับปวดตาด้วยที่ใช้สายตาจ้องดูโทรทัศน์ กับจอคอมพิวเตอร์มากไป...
Anyway... ก็กะว่าจะอ่านให้จบนั่นแหละ แล้วก็จะอ่านเรื่องเก่าๆตอนที่เรียน Medicine อ่ะนะ
เพราะว่าตอนนี้ลืมไปเกือบหมดและ เหอๆๆ
ถ้าเป็นไปได้ อยากจะอ่านของ Pediatrics ไว้ก่อนด้วย
อืมมม....เพราะวอร์ดต่อไปเราขึ้นเด็กไงละ

ช่วงนี้อารมณ์ยังคงเป็นเหมือนเดิมละ
โกรธง่าย ขี้หงุดหงิดง่ายย
อารมณ์ด้านมืดทั้งนั้นเลยอ่า
พรุ่งนี้ก็เป็นวันพระแล้วด้วยนะ (วันอาสาฬหบูชาไง)
พ่อก็เลยว่าจะพาครอบครัวเราไปไหว้พระ...ไกลถึงนู้นแนะ สุพรรณบุรี
(เยี่ยมมากๆ) หวังว่าพรุ่งนี้ฉันจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้นะ
จะไม่รู้สึกแย่ไปกับอะไรๆมากนัก
ถ้าหากเราควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ไม่ให้หวั่นไหวง่ายๆ ก็คงจะดีอะนะ

แต่ก็ดีหน่อยที่ไม่รู้สึกเสียใจเรื่องพี่แบงค์แล้วละ
พอไม่ได้เจอหน้ากัน...ไม่ได้คุยกันนานๆ มันก็ลืมได้เองอย่างนี้ละมั้ง
ไม่รู้เหมือนกันนะ ว่าเวลามันเป็นตัวรักษา หรือว่าตัวเราเองที่รักษาใจเราเองก็ไม่รู้นะ
แต่ก็ดีแล้วละ ที่ทำใจลืมพี่เค้าได้
ไม่ใช่อะไรหรอก เราก็ไม่ได้ว่าเค้าไม่ดี
พี่เค้าเป็นพี่ชายที่ดีคนนึงละ...เราเสียใจในอีกประเด็นนึงก็เท่านั้นเอง

โอ...ตอนนี้เราปวดตามากเลย่อ่า
เห็นทีต้องพักสายตาแล้วอ่า
แค่นี้ก้อนนะ